กองทุน มะอาริฟ

“เป็นกองทุนอิสลามเพื่อการกุศล ที่มุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพและคุณภาพชีวิตพี่น้องมุสลิม”

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ความสำคัญของเยาวชนมุสลิม

ความสำคัญของเยาวชนกับอิสลาม

ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่ให้ความสำคัญ เอาใจใส่ต่อเยาวชนมาก ไม่ว่าจะในด้านการอบรมเลี้ยงดู อบรมสั่งสอน ปกปักรักษา เพื่อพวกเขาจะได้เป็นผู้ที่สืบทอดอุดมการณ์ของอิสลาม และปฏิบัติหน้าที่ของพวกเขาต่อประชาชาติของพวกเรา และเพื่อพวกเขาจะได้สานต่อกิจการงานที่บรรพบุรุษของพวกเขาได้มอบหมายก่อนที่จะจากไป
ดังนั้นหน้าที่ของเยาวชนต่อสังคมของมนุษน์นั้นมีความสำคัญมาก ในยามที่สงบ พวกเขาก็จะเป็นพลเมืองที่ใช้แรงงานอย่างขยันขันแข็งและอดทน แต่เมื่อยามสงคราม พวกเขาจะเสียสละทั้งเลือดเนื้อและชีวิต ที่จะสู้รบกับศัตรูอย่างกล้าหาญและจริงจัง พร้อมที่จะแบกรับภาระต่างๆ อันหนักอึ้งไว้บนบ่าอันแข็งแกร่ง พร้อมที่จะให้การช่วยเหลือในการวางกฎระเบียบของสังคม และพร้อมที่จะระดมความคิดอันเฉียบแหลมที่จะสร้างสรรค์ความเจริญ ให้แก่สังคมทั้งด้านคุณธรรม จริยธรรมและการพัฒนาสังคม
ในอดีตกาลเยาวชนมุสลิม เคยมีบทบาทมากต่อศาสนาและสังคมมุสลิม มีความอดทนและกล้าหาญ ที่ยืนหยัดและมั่นคงต่อหลักการของศาสนาอิสลาม ดังตัวอย่างของท่านนบีอิบรอฮีม ท่านได้ใช้ความคิด สติปัญญา ในการศรัทธาทั้งๆที่ท่านยังเยาว์วัย ท่านปฏิเสธที่จะกราบไหว้รูปปั้น ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดวงดาวต่างๆ และสรรพสิ่งทั้งปวง นอกจากอัลลอฮ์องค์เดียวเท่านั้น . ท่านนบียุซุฟที่จะต้องอดทนต่อการรังแกของบรรดาพี่ๆของท่าน ที่นำท่านไปทิ้งไว้ในบ่อ จนมีคนมาพบเห็น และนำไปขายต่อที่ประเทศอียิบต์ และยังจะต้องอดทนต่อการยั่วยวนของหญิงนางหนึ่ง จนในที่สุดท่านก็ได้เลือกที่จะอยู่ในคุก ดีกว่าที่จะยอมตามอารมณ์ใฝ่ต่ำของนางผู้นั้น . และท่นนบีมูฮำหมัดของเราเอง เมื่อตอนที่ท่านยังเยาว์วัย ท่านก็กำพร้าทั้งบิดามารดา ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของลุงและปู่ของท่าน ท่านเป็นคนที่ขยันทำงาน และมีความซื่อสัตย์ ท่านเคยเป็นหัวหน้ากองคาราวาน เป็นผู้นำสินค้าไปค้าขาย ณ ประเทศซีเรีย ท่านเป็นที่รักของบุคคลที่มาติดต่อซื้อขายด้วย ในที่สุดท่านก็ได้รับสมญานามว่า “ อัลอามีน ” ซึ่งแปลว่าผู้ที่มีความซื่อสัตย์.ส่วนท่านอาลีบินอาบีตอลิบ ท่านเป็นคนแรกในบรรดาเด็กๆด้วยกันที่ศรัทธาในอิสลาม ท่านไม่เกรงกลัวว่าจะเกิดอันตรายแก่ตัวท่าน ท่านมีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว ยืนหยัดต่อหลักการและอุดมการณ์ ท่านได้สละชีวิตของท่าน เพื่อที่จะปกป้องท่านรอซูลุลลอฮ์และอัลอิสลาม. ในคืนที่ท่านรอซูลุลลอฮ์อพยพไปเมืองมาดีนะฮ์ ท่านได้สละตัวท่านไปนอนแทนที่ท่านรอซูลุลลอฮ์ เพื่อที่จะอำพรางสายตาของพวกกาเฟร ให้พวกนั้นหลงคิดว่าท่านรอซูลุลลอฮ์ยังคงนอนอยู่บนที่นอน ท่านอุซามะฮ์บินเซด เคยเป็นแม่ทัพนำทหารมุสลิม ไปทำการสู้รบกับพวกโรม อย่างอาจหาญและอดทน ซึ่งในขณะนั้นท่านมีอายุแค่ 18 ปีเท่านั้น
และยังมีอีกหลายๆท่านที่เป็นตัวอย่างที่ดีของเยาวชนมุสลิม สมควรอย่างยิ่งที่จะเรียนรู้และนำมาเป็นแบบอย่างให้แก่เยาวชนมุสลิมในปัจจุบัน ได้เป็นอย่างดี
พี่น้องที่รักทั้งหลาย เมื่อเราลองหันกลับมามองดูเยาวชนมุสลิมในปัจจุบัน เราจะเห็นได้ว่า พวกเขาได้ห่างเหินออกจากแนวทางของศาสนาอิสลาม การดำเนินชีวิตของพวกเขาก็ไม่ได้เป็นไปตามแนวปฏิบัติของท่านรอซูลุลลอฮ์ ( ซ.ล. ) กิจวัตรประจำวันของพวกเขา ก็หมกมุ่นอยู่กับวัตถุนิยม ถูกมอมเมาด้วยวัฒนธรรมตะวันตกเสียเป็นส่วนใหญ่ โดยไม่ได้คำนึงว่าสิ่งที่เขาได้ปฏิบัติอยู่นั้น มันขัดต่อหลักการของอิสลาม หรือไม่ จะเห็นว่าวัยรุ่นทั้งชายและหญิง มีการจับมือถือแขน เที่ยวเตร่ในยามค่ำคืน โดยปราศจากการควบคุมดูแลของพ่อแม่ผู้ปกครองอย่างใกล้ชิด เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มหรือเครื่องแต่งกาย ก็ไม่เป็นไปตามบทบัญญัติที่ศาสนากำหนดไว้ มีการโอ้อวดสรีระบางส่วนของร่างกาย ตามอารมณ์ใฝ่ต่ำของตน
เมื่อหันมามองพวกหนุ่มๆจะเห็นว่าพวกเขาเหล่านั้น มัวแต่ใช้เวลาหมดไปกับการกีฬา บันเทิง และยาเสพติด โดยไม่คำนึงถึงอนาคตว่าจะเป็นไปในทิศทางใด ไม่ค่อยจะเชื่อฟังคำสั่งสอนของบิดามารดา และครูอาจารย์ ไม่รู้จักหน้าที่ของตนเองและสังคม การประกอบศาสนกิจนั้นก็เพิกเฉย ละเลยให้ปล่อยไปตามอารมณ์ที่ต้องการ นึกอยากจะเลียนแบบก็เลียนแบบ โดยไม่ได้ศึกษาให้ถ่องแท้ ว่าอย่างใดที่ถูกต้องอย่างใดที่ไม่ถูกต้องกับหลกคำสอนของศาสนา บางครั้งก็ละทิ้งหรือไม่ก็ไม่ปฏิบัติเลย คือไม่เอาจริงเอาจังนั่นเอง
พวกเราทุกคนลองคิดและไตร่ตรองดูว่า ลูกหลานเยาวชนของเรา เมื่อมีสถาพเช่นนี้อีกไม่กี่ปีข้างหน้า อิสลามก็จะหมดไปจากหัวใจของพวกเขา ในที่สุดก็ไม่ต่างอะไรจากศาสนิกอื่น เพราะฉะนั้นขอให้พี่น้องผู้ศรัทธาในอัลลอฮ์ (ซ.บ. ) ทุกท่าน จงช่วยกันอบรมและสั่งสอนบุตรหลานของท่าน ให้พ้นจากปากเหวนรกที่จะเผาไหม้ร่างกายของเราในไฟนรก ดั่งที่เอกองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.)ได้ตรัสเอาไว้ว่า

ความว่า : โอ่ศรัทธาชนทั้งหลาย สูเจ้าจงปกป้องรักษาตัวของสูเจ้า และลูกหลานของสูเจ้าให้พ้นจากไฟนรกเทอญ (อัตตะห์รีม โองการที่ 6)
ดังนั้น การที่เราจะปกป้องลูกหลานให้พ้นจากไฟนรกนั้น มันเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่จะคอยดูแล เอาใจใส่บุตรหลานให้ได้รับการศึกษาเล่าเรียนและปฏิบัติตนให้อยู่ในหนทางของศาสนา และยังเป็นหน้าที่ของสังคมมุสลิมที่จะคอยดูแล ชี้แนะแนวทางที่ถูกต้อง ช่วยกันเสียสละและเอาใจใส่เยาวชนมุสลิมห้เป็นแบบอย่างที่ดี และเป็นที่ยกย่องของคนในสังคมตลอดไป
คัดลอกจาก http://www.santitham.org/forum/index.php?topic=104.0

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น