วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
การนอนตามสุนนะฺนบี
นบีมุฮำหมัด เป็นศาสนฑูต ที่นำคำสอนต่างๆ ให้มุสลิมกระทำตาม รวมถึงท่านเป็นแบบอย่าง(Model) ที่ทุกคนต้องทำตามด้วย ซึ่งในบางครั้งเราทำตามท่านเพราะเรารักท่าน และเป็นคำบัญญัติที่ต้องทำตามท่าน โดยไม่รู้ว่าดีอย่างไร อย่างเช่น ท่านอน ท่านจะนอน ตะแคงขวา และท่านได้สอนว่า ..
قَالَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ إِذَا أَتَيْتَ مَضْجَعَكَ فَتَوَضَّأْ وُضُوءَكَ لِلصَّلَاةِ ثُمَّ اضْطَجِعْ عَلَى شِقِّكَ الْأَيْمَنِ
ความว่า : เมื่อเจ้าเข้าไปนอนจงอาบน้ำละหมาดเพื่อละหมากแล้วเอียงนอนตะแคงขวา
วงการแพทย์สมัยใหม่ก็ยอมรับและสนับสนุนให้นอนตะแคงขวา
นพ.ชนินทร์ ลีวานันท์ ภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า การพักผ่อนที่ดีที่สุดคือ การนอนหลับ มนุษย์ใช้เวลาเพื่อนอนหลับถึง 1ใน 3 ของอายุขัย ขณะนอนหลับท่านอนเป็นสิ่งสำคัญที่จะส่งผลให้ผู้นอนหลับสนิทตลอดคืน และตื่นนอนด้วยความสดชื่น ไม่รู้สึกปวดเมื่อย ซึ่งโดยปกติคนทั่วไปคนเรานิยมนอนหงาย เพราะเป็นท่านอนมาตรฐาน การนอนหงายที่เหมาะสมนั้น ควรใช้หมอนต่ำและต้นคอควรอยู่ในแนวเดียวกันกับลำตัว เพื่อไม่ให้ปวดคอ อย่างไรก็ตาม ท่านอนหงายไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคปอดและโรคหัวใจ เพราะกล้ามเนื้อกระบังลมจะกดทับปอดทำให้หายใจไม่สะดวก ส่งผลทำให้การทำงานของหัวใจลำบากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ผู้มีอาการปวดหลังการนอนหงายในท่าราบจะทำให้อาการปวดรุนแรงขึ้นด้วย
นพ.ชนินทร์ กล่าวว่า สำหรับท่านอนที่ดีที่สุด เมื่อเทียบกับท่านอนอื่น ๆ คือ ท่านอนตะแคงขวา เพราะจะช่วยให้หัวใจเต้นสะดวก และอาหารจากกระเพาะจะถูกบีบลงลำไส้เล็กได้ดี ทั้งยังช่วยบรรเทาอาการปวดหลังได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ส่วนท่านอนตะแคงซ้ายซึ่งจะช่วยลดอาการปวดหลังได้ แต่ควรกอดหมอนข้าง และพาดขาไว้เพื่อป้องกันอาการชาที่ขาซ้ายจากการนอนทับเป็นเวลานาน อย่างไรก็ตาม ท่านอนตะแคงซ้ายอาจทำให้เกิดลมจุกเสียดบริเวณลิ้นปี่ เนื่องจากอาหารที่ยังย่อยไม่หมดในช่วงก่อนเข้านอนคั่งค้างในกระเพาะอาหาร ส่วนท่านอนคว่ำเป็นท่าที่ทำให้หายใจติดขัด ทั้งยังทำให้ปวดต้นคอ เพราะต้องเงยหน้ามาทางด้านหลังหรือบิดหมุนไปข้างใดข้างหนึ่งเป็นเวลานาน ดังนั้น ถ้าจำเป็นต้องนอนคว่ำจึงควรใช้หมอนรองใต้ทรวงอก เพื่อป้องกันอาการปวดเมื่อยต้นคอ.[1]
ท่านนบี ไม่ได้เป็นแพทย์ แต่ท่านแนะนำในสิ่งที่ถูก ฉะนั้นท่านคือศาสดาที่แท้จริง และความรู้ที่ท่านสอนก็คือความจริงที่ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์
คัดลอกจาก Ibm ครูปอเนาะ ڬوروفوندق http://gotoknow.org/blog/ibm401/71169
ความสำคัญของเยาวชนมุสลิม
ความสำคัญของเยาวชนกับอิสลาม
ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่ให้ความสำคัญ เอาใจใส่ต่อเยาวชนมาก ไม่ว่าจะในด้านการอบรมเลี้ยงดู อบรมสั่งสอน ปกปักรักษา เพื่อพวกเขาจะได้เป็นผู้ที่สืบทอดอุดมการณ์ของอิสลาม และปฏิบัติหน้าที่ของพวกเขาต่อประชาชาติของพวกเรา และเพื่อพวกเขาจะได้สานต่อกิจการงานที่บรรพบุรุษของพวกเขาได้มอบหมายก่อนที่จะจากไป
ดังนั้นหน้าที่ของเยาวชนต่อสังคมของมนุษน์นั้นมีความสำคัญมาก ในยามที่สงบ พวกเขาก็จะเป็นพลเมืองที่ใช้แรงงานอย่างขยันขันแข็งและอดทน แต่เมื่อยามสงคราม พวกเขาจะเสียสละทั้งเลือดเนื้อและชีวิต ที่จะสู้รบกับศัตรูอย่างกล้าหาญและจริงจัง พร้อมที่จะแบกรับภาระต่างๆ อันหนักอึ้งไว้บนบ่าอันแข็งแกร่ง พร้อมที่จะให้การช่วยเหลือในการวางกฎระเบียบของสังคม และพร้อมที่จะระดมความคิดอันเฉียบแหลมที่จะสร้างสรรค์ความเจริญ ให้แก่สังคมทั้งด้านคุณธรรม จริยธรรมและการพัฒนาสังคม
ในอดีตกาลเยาวชนมุสลิม เคยมีบทบาทมากต่อศาสนาและสังคมมุสลิม มีความอดทนและกล้าหาญ ที่ยืนหยัดและมั่นคงต่อหลักการของศาสนาอิสลาม ดังตัวอย่างของท่านนบีอิบรอฮีม ท่านได้ใช้ความคิด สติปัญญา ในการศรัทธาทั้งๆที่ท่านยังเยาว์วัย ท่านปฏิเสธที่จะกราบไหว้รูปปั้น ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดวงดาวต่างๆ และสรรพสิ่งทั้งปวง นอกจากอัลลอฮ์องค์เดียวเท่านั้น . ท่านนบียุซุฟที่จะต้องอดทนต่อการรังแกของบรรดาพี่ๆของท่าน ที่นำท่านไปทิ้งไว้ในบ่อ จนมีคนมาพบเห็น และนำไปขายต่อที่ประเทศอียิบต์ และยังจะต้องอดทนต่อการยั่วยวนของหญิงนางหนึ่ง จนในที่สุดท่านก็ได้เลือกที่จะอยู่ในคุก ดีกว่าที่จะยอมตามอารมณ์ใฝ่ต่ำของนางผู้นั้น . และท่นนบีมูฮำหมัดของเราเอง เมื่อตอนที่ท่านยังเยาว์วัย ท่านก็กำพร้าทั้งบิดามารดา ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของลุงและปู่ของท่าน ท่านเป็นคนที่ขยันทำงาน และมีความซื่อสัตย์ ท่านเคยเป็นหัวหน้ากองคาราวาน เป็นผู้นำสินค้าไปค้าขาย ณ ประเทศซีเรีย ท่านเป็นที่รักของบุคคลที่มาติดต่อซื้อขายด้วย ในที่สุดท่านก็ได้รับสมญานามว่า อัลอามีน ซึ่งแปลว่าผู้ที่มีความซื่อสัตย์.ส่วนท่านอาลีบินอาบีตอลิบ ท่านเป็นคนแรกในบรรดาเด็กๆด้วยกันที่ศรัทธาในอิสลาม ท่านไม่เกรงกลัวว่าจะเกิดอันตรายแก่ตัวท่าน ท่านมีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว ยืนหยัดต่อหลักการและอุดมการณ์ ท่านได้สละชีวิตของท่าน เพื่อที่จะปกป้องท่านรอซูลุลลอฮ์และอัลอิสลาม. ในคืนที่ท่านรอซูลุลลอฮ์อพยพไปเมืองมาดีนะฮ์ ท่านได้สละตัวท่านไปนอนแทนที่ท่านรอซูลุลลอฮ์ เพื่อที่จะอำพรางสายตาของพวกกาเฟร ให้พวกนั้นหลงคิดว่าท่านรอซูลุลลอฮ์ยังคงนอนอยู่บนที่นอน ท่านอุซามะฮ์บินเซด เคยเป็นแม่ทัพนำทหารมุสลิม ไปทำการสู้รบกับพวกโรม อย่างอาจหาญและอดทน ซึ่งในขณะนั้นท่านมีอายุแค่ 18 ปีเท่านั้น
และยังมีอีกหลายๆท่านที่เป็นตัวอย่างที่ดีของเยาวชนมุสลิม สมควรอย่างยิ่งที่จะเรียนรู้และนำมาเป็นแบบอย่างให้แก่เยาวชนมุสลิมในปัจจุบัน ได้เป็นอย่างดี
พี่น้องที่รักทั้งหลาย เมื่อเราลองหันกลับมามองดูเยาวชนมุสลิมในปัจจุบัน เราจะเห็นได้ว่า พวกเขาได้ห่างเหินออกจากแนวทางของศาสนาอิสลาม การดำเนินชีวิตของพวกเขาก็ไม่ได้เป็นไปตามแนวปฏิบัติของท่านรอซูลุลลอฮ์ ( ซ.ล. ) กิจวัตรประจำวันของพวกเขา ก็หมกมุ่นอยู่กับวัตถุนิยม ถูกมอมเมาด้วยวัฒนธรรมตะวันตกเสียเป็นส่วนใหญ่ โดยไม่ได้คำนึงว่าสิ่งที่เขาได้ปฏิบัติอยู่นั้น มันขัดต่อหลักการของอิสลาม หรือไม่ จะเห็นว่าวัยรุ่นทั้งชายและหญิง มีการจับมือถือแขน เที่ยวเตร่ในยามค่ำคืน โดยปราศจากการควบคุมดูแลของพ่อแม่ผู้ปกครองอย่างใกล้ชิด เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มหรือเครื่องแต่งกาย ก็ไม่เป็นไปตามบทบัญญัติที่ศาสนากำหนดไว้ มีการโอ้อวดสรีระบางส่วนของร่างกาย ตามอารมณ์ใฝ่ต่ำของตน
เมื่อหันมามองพวกหนุ่มๆจะเห็นว่าพวกเขาเหล่านั้น มัวแต่ใช้เวลาหมดไปกับการกีฬา บันเทิง และยาเสพติด โดยไม่คำนึงถึงอนาคตว่าจะเป็นไปในทิศทางใด ไม่ค่อยจะเชื่อฟังคำสั่งสอนของบิดามารดา และครูอาจารย์ ไม่รู้จักหน้าที่ของตนเองและสังคม การประกอบศาสนกิจนั้นก็เพิกเฉย ละเลยให้ปล่อยไปตามอารมณ์ที่ต้องการ นึกอยากจะเลียนแบบก็เลียนแบบ โดยไม่ได้ศึกษาให้ถ่องแท้ ว่าอย่างใดที่ถูกต้องอย่างใดที่ไม่ถูกต้องกับหลกคำสอนของศาสนา บางครั้งก็ละทิ้งหรือไม่ก็ไม่ปฏิบัติเลย คือไม่เอาจริงเอาจังนั่นเอง
พวกเราทุกคนลองคิดและไตร่ตรองดูว่า ลูกหลานเยาวชนของเรา เมื่อมีสถาพเช่นนี้อีกไม่กี่ปีข้างหน้า อิสลามก็จะหมดไปจากหัวใจของพวกเขา ในที่สุดก็ไม่ต่างอะไรจากศาสนิกอื่น เพราะฉะนั้นขอให้พี่น้องผู้ศรัทธาในอัลลอฮ์ (ซ.บ. ) ทุกท่าน จงช่วยกันอบรมและสั่งสอนบุตรหลานของท่าน ให้พ้นจากปากเหวนรกที่จะเผาไหม้ร่างกายของเราในไฟนรก ดั่งที่เอกองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.)ได้ตรัสเอาไว้ว่า
ความว่า : โอ่ศรัทธาชนทั้งหลาย สูเจ้าจงปกป้องรักษาตัวของสูเจ้า และลูกหลานของสูเจ้าให้พ้นจากไฟนรกเทอญ (อัตตะห์รีม โองการที่ 6)
ดังนั้น การที่เราจะปกป้องลูกหลานให้พ้นจากไฟนรกนั้น มันเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่จะคอยดูแล เอาใจใส่บุตรหลานให้ได้รับการศึกษาเล่าเรียนและปฏิบัติตนให้อยู่ในหนทางของศาสนา และยังเป็นหน้าที่ของสังคมมุสลิมที่จะคอยดูแล ชี้แนะแนวทางที่ถูกต้อง ช่วยกันเสียสละและเอาใจใส่เยาวชนมุสลิมห้เป็นแบบอย่างที่ดี และเป็นที่ยกย่องของคนในสังคมตลอดไป
คัดลอกจาก http://www.santitham.org/forum/index.php?topic=104.0
ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่ให้ความสำคัญ เอาใจใส่ต่อเยาวชนมาก ไม่ว่าจะในด้านการอบรมเลี้ยงดู อบรมสั่งสอน ปกปักรักษา เพื่อพวกเขาจะได้เป็นผู้ที่สืบทอดอุดมการณ์ของอิสลาม และปฏิบัติหน้าที่ของพวกเขาต่อประชาชาติของพวกเรา และเพื่อพวกเขาจะได้สานต่อกิจการงานที่บรรพบุรุษของพวกเขาได้มอบหมายก่อนที่จะจากไป
ดังนั้นหน้าที่ของเยาวชนต่อสังคมของมนุษน์นั้นมีความสำคัญมาก ในยามที่สงบ พวกเขาก็จะเป็นพลเมืองที่ใช้แรงงานอย่างขยันขันแข็งและอดทน แต่เมื่อยามสงคราม พวกเขาจะเสียสละทั้งเลือดเนื้อและชีวิต ที่จะสู้รบกับศัตรูอย่างกล้าหาญและจริงจัง พร้อมที่จะแบกรับภาระต่างๆ อันหนักอึ้งไว้บนบ่าอันแข็งแกร่ง พร้อมที่จะให้การช่วยเหลือในการวางกฎระเบียบของสังคม และพร้อมที่จะระดมความคิดอันเฉียบแหลมที่จะสร้างสรรค์ความเจริญ ให้แก่สังคมทั้งด้านคุณธรรม จริยธรรมและการพัฒนาสังคม
ในอดีตกาลเยาวชนมุสลิม เคยมีบทบาทมากต่อศาสนาและสังคมมุสลิม มีความอดทนและกล้าหาญ ที่ยืนหยัดและมั่นคงต่อหลักการของศาสนาอิสลาม ดังตัวอย่างของท่านนบีอิบรอฮีม ท่านได้ใช้ความคิด สติปัญญา ในการศรัทธาทั้งๆที่ท่านยังเยาว์วัย ท่านปฏิเสธที่จะกราบไหว้รูปปั้น ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดวงดาวต่างๆ และสรรพสิ่งทั้งปวง นอกจากอัลลอฮ์องค์เดียวเท่านั้น . ท่านนบียุซุฟที่จะต้องอดทนต่อการรังแกของบรรดาพี่ๆของท่าน ที่นำท่านไปทิ้งไว้ในบ่อ จนมีคนมาพบเห็น และนำไปขายต่อที่ประเทศอียิบต์ และยังจะต้องอดทนต่อการยั่วยวนของหญิงนางหนึ่ง จนในที่สุดท่านก็ได้เลือกที่จะอยู่ในคุก ดีกว่าที่จะยอมตามอารมณ์ใฝ่ต่ำของนางผู้นั้น . และท่นนบีมูฮำหมัดของเราเอง เมื่อตอนที่ท่านยังเยาว์วัย ท่านก็กำพร้าทั้งบิดามารดา ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของลุงและปู่ของท่าน ท่านเป็นคนที่ขยันทำงาน และมีความซื่อสัตย์ ท่านเคยเป็นหัวหน้ากองคาราวาน เป็นผู้นำสินค้าไปค้าขาย ณ ประเทศซีเรีย ท่านเป็นที่รักของบุคคลที่มาติดต่อซื้อขายด้วย ในที่สุดท่านก็ได้รับสมญานามว่า อัลอามีน ซึ่งแปลว่าผู้ที่มีความซื่อสัตย์.ส่วนท่านอาลีบินอาบีตอลิบ ท่านเป็นคนแรกในบรรดาเด็กๆด้วยกันที่ศรัทธาในอิสลาม ท่านไม่เกรงกลัวว่าจะเกิดอันตรายแก่ตัวท่าน ท่านมีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว ยืนหยัดต่อหลักการและอุดมการณ์ ท่านได้สละชีวิตของท่าน เพื่อที่จะปกป้องท่านรอซูลุลลอฮ์และอัลอิสลาม. ในคืนที่ท่านรอซูลุลลอฮ์อพยพไปเมืองมาดีนะฮ์ ท่านได้สละตัวท่านไปนอนแทนที่ท่านรอซูลุลลอฮ์ เพื่อที่จะอำพรางสายตาของพวกกาเฟร ให้พวกนั้นหลงคิดว่าท่านรอซูลุลลอฮ์ยังคงนอนอยู่บนที่นอน ท่านอุซามะฮ์บินเซด เคยเป็นแม่ทัพนำทหารมุสลิม ไปทำการสู้รบกับพวกโรม อย่างอาจหาญและอดทน ซึ่งในขณะนั้นท่านมีอายุแค่ 18 ปีเท่านั้น
และยังมีอีกหลายๆท่านที่เป็นตัวอย่างที่ดีของเยาวชนมุสลิม สมควรอย่างยิ่งที่จะเรียนรู้และนำมาเป็นแบบอย่างให้แก่เยาวชนมุสลิมในปัจจุบัน ได้เป็นอย่างดี
พี่น้องที่รักทั้งหลาย เมื่อเราลองหันกลับมามองดูเยาวชนมุสลิมในปัจจุบัน เราจะเห็นได้ว่า พวกเขาได้ห่างเหินออกจากแนวทางของศาสนาอิสลาม การดำเนินชีวิตของพวกเขาก็ไม่ได้เป็นไปตามแนวปฏิบัติของท่านรอซูลุลลอฮ์ ( ซ.ล. ) กิจวัตรประจำวันของพวกเขา ก็หมกมุ่นอยู่กับวัตถุนิยม ถูกมอมเมาด้วยวัฒนธรรมตะวันตกเสียเป็นส่วนใหญ่ โดยไม่ได้คำนึงว่าสิ่งที่เขาได้ปฏิบัติอยู่นั้น มันขัดต่อหลักการของอิสลาม หรือไม่ จะเห็นว่าวัยรุ่นทั้งชายและหญิง มีการจับมือถือแขน เที่ยวเตร่ในยามค่ำคืน โดยปราศจากการควบคุมดูแลของพ่อแม่ผู้ปกครองอย่างใกล้ชิด เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มหรือเครื่องแต่งกาย ก็ไม่เป็นไปตามบทบัญญัติที่ศาสนากำหนดไว้ มีการโอ้อวดสรีระบางส่วนของร่างกาย ตามอารมณ์ใฝ่ต่ำของตน
เมื่อหันมามองพวกหนุ่มๆจะเห็นว่าพวกเขาเหล่านั้น มัวแต่ใช้เวลาหมดไปกับการกีฬา บันเทิง และยาเสพติด โดยไม่คำนึงถึงอนาคตว่าจะเป็นไปในทิศทางใด ไม่ค่อยจะเชื่อฟังคำสั่งสอนของบิดามารดา และครูอาจารย์ ไม่รู้จักหน้าที่ของตนเองและสังคม การประกอบศาสนกิจนั้นก็เพิกเฉย ละเลยให้ปล่อยไปตามอารมณ์ที่ต้องการ นึกอยากจะเลียนแบบก็เลียนแบบ โดยไม่ได้ศึกษาให้ถ่องแท้ ว่าอย่างใดที่ถูกต้องอย่างใดที่ไม่ถูกต้องกับหลกคำสอนของศาสนา บางครั้งก็ละทิ้งหรือไม่ก็ไม่ปฏิบัติเลย คือไม่เอาจริงเอาจังนั่นเอง
พวกเราทุกคนลองคิดและไตร่ตรองดูว่า ลูกหลานเยาวชนของเรา เมื่อมีสถาพเช่นนี้อีกไม่กี่ปีข้างหน้า อิสลามก็จะหมดไปจากหัวใจของพวกเขา ในที่สุดก็ไม่ต่างอะไรจากศาสนิกอื่น เพราะฉะนั้นขอให้พี่น้องผู้ศรัทธาในอัลลอฮ์ (ซ.บ. ) ทุกท่าน จงช่วยกันอบรมและสั่งสอนบุตรหลานของท่าน ให้พ้นจากปากเหวนรกที่จะเผาไหม้ร่างกายของเราในไฟนรก ดั่งที่เอกองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.)ได้ตรัสเอาไว้ว่า
ความว่า : โอ่ศรัทธาชนทั้งหลาย สูเจ้าจงปกป้องรักษาตัวของสูเจ้า และลูกหลานของสูเจ้าให้พ้นจากไฟนรกเทอญ (อัตตะห์รีม โองการที่ 6)
ดังนั้น การที่เราจะปกป้องลูกหลานให้พ้นจากไฟนรกนั้น มันเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่จะคอยดูแล เอาใจใส่บุตรหลานให้ได้รับการศึกษาเล่าเรียนและปฏิบัติตนให้อยู่ในหนทางของศาสนา และยังเป็นหน้าที่ของสังคมมุสลิมที่จะคอยดูแล ชี้แนะแนวทางที่ถูกต้อง ช่วยกันเสียสละและเอาใจใส่เยาวชนมุสลิมห้เป็นแบบอย่างที่ดี และเป็นที่ยกย่องของคนในสังคมตลอดไป
คัดลอกจาก http://www.santitham.org/forum/index.php?topic=104.0
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)